วันพุธที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ชนเผาซาไก

                                                                                           ชนเผ่าซาไก
ซาไก ชนเผ่าหนึ่งที่มีมาช้านาน โดยส่วนหนึ่งได้ตั้งถิ่นฐานอยู่ในประเทศไทยด้วย โดยกลุ่มซาไกนี้จะมีกลุ่ม วัฒนธรรมเป็นของตนเอง ชนเผ่าซาไกเป็นชนเชื้อสาย นิกริโต กลุ่มย่อยของนิกรอยด์ การอพยพของชนเผ่าซาไกนั้น ได้สันนิษฐานแรกว่าอพยพมาจากประเทศ อินเดีย ศรีลังกา และจีน ก่อนเข้าสู่ภาคใต้ของไทย ส่วนอีกเส้นทางหนึ่งคืออพยพมาจากประเทศอินโดนีเซีย ผ่านมาเลเซีย และเข้าสู่ภาคใต้ขอไทย ส่วนอีกข้อสันนิษฐานก็คืออยู่ภาคใต้ของไทยอยู่แล้ว
ซาไกในประเทศอาศัยประเทศไทยอยู่ในป่าแถบจังหวัดทางภาคใต้ ซาไกกลุ่มหนึ่งจะไม่ยึดที่เป็นหลักเป็นแหล่งแต่จะเร่ร่อนไปเรื่อยๆอีกกลุ่มหนึ่งจะมีที่อยู่เป็นหลักแหล่งและถาวร โดยจะกระจายกันเป็นกลุ่มๆ ซาไกจะมี ผู้ใหญ่บ้าน หรือ กำนัน ที่มีความสามารถคอยดูแลและเป็นผู้นำกลุ่ม โดยผู้ใหญ่บ้านจะเป็นผู้เลือกสถานที่ โดยจะเลือกที่เนินสูง มีป่าสูงปกคลุมพื้นที่ และสถานที่นั้นต้องอุดมสมบูรณ์ ทั้งพรรณไม้และสัตว์ที่เป็นอาหารได้ บ้านที่พักอาศัยของซาไกกลุ่มที่มีอยู่ถาวรเรียกว่า ซาโอ๊ะ บ้านที่พักชั่วคราวเรียกว่า ทับ หรือ ฮะยะ ซึ่งซาไกเป็นชนเผ่าที่เดินป่าเก่งและทนทานมากเนื่องจากฝ่าเท้าหนาเป็นพิเศษทำให้เดินบนหินแหลมและหนามไม่เจ็บ
การกินอาหารซาไก ซึ่งซาไกยังไม่รู้จักวิธีการเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์ จึงหาอาหารด้วยการล่าสัตว์ด้วยอาวุธที่ประดิษฐ์ขึ้นมาและเก็บพืชผัก ผลไม้ตามธรรมชาติมารับประทาน ซาไกไม่รู้จักวิธีถนอมอาหารเพาะฉะนั้นเมื่อหาอาหารมาได้ก็จะรับประทานอาหารจนหมด และเมื่อหิวก็จออกไปหาใหม่ แต่ถ้าหาไม่ได้ก็ต้องอด ในปัจจุบันซาไกเริ่มรู้จักรับประทานข้าว และมีหม้อสำหรับใช้หุ้งต้ม
อาวุธที่จะใช้ในการล่าสัตว์ อาวุธของซาไกนั้นจะเรียกว่า บอเลา ทำด้วยกระบอกไม้ซาง ส่วนลูกดอกจะเรียกว่า บิลา ทำจากไม้ไผ่ บิลาจะอาบด้วยยาพิษที่ทำจากต้นยางน่อง มีพิษร้ายมากหากเข้าสู่กระแสเลือดจะทำให้ตายได้
สำหรับเครื่องแต่งกายของซาไก ซึ่งซาไกปัจจุบันได้รับอิทธิพลของสังคมเมืองโดยจะใส่ชุดที่ได้รับบริจาคจากชาวบ้าน หรือการไปทำงานแลก โดยซาไกจะไม่ซักหรืออาบน้ำเนื่องจากมีความเชื่อว่า การทำความสะอาดจะทำให้กลิ่นเปลี่ยน สัตว์ผิดกลิ่น ล่าสัตว์ได้ยากขึ้น ซึ่งซาไกจะมีนิสัย เป็นคนยิ้มง่ายอัธยาศัยดี เป็นมิตรกับทุกคนจะไม่ทะเลาะเบาะแว้งกับใคร ไม่มีเล่ห์เหลี่ยม และเมื่อซาไกถูกบุกรุกพวกเขาจะเป็นผู้หนี และจะไม่ทำลายฝ่ายตรงข้าม ความจริงแล้วซาไกเป็นคนที่ฉลาดแต่ด้วยสภาพแวดล้อมที่ไม่พบปะผู้ภายนอกเท่าใดนักทำให้ซาไกไร้เล่ห์เหลี่ยมจนดูเหมือนคนโง่ แต่เมื่อซาไกเรียนรู้บางสิ่งบางอย่าพวกเขาจะสามารถจำได้อย่างรวดเร็ว
ซาไกในปัจจุบันเกิดการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากจากอดีต เนื่องมาจากอิทธิพลของสังคมเมืองที่ซาไกเริ่มนำไปปรับเปลี่ยนใช้กับชีวิตของพวกเขา ซึ่งมีผลดที่เกิดขึ้นก็คือทำให้ชนเผาซาไกมีค่านิยมด้านการแพทย์ดีขึ้น หาอาหารได้มาขึ้น โดยการใช้ปืนแทนบอเลา ซาไกเริ่มทำการเพาะปลูกเองและเลี้ยงสัตว์ ซาไกเริ่มปรุงอาหาร และหาวัสดุได้จากตลาดอีกด้วย แต่มันเทียบไม่ได้กับผลเสียที่เกิดขึ้นกับชนเผาซาไกเลย แม้ว่าชนเผาซาไกจะมีวัฒนธรรมเมืองมากขึ้น แต่ความคิด ลักษณะนิสัยของพวกเขายังคงไม่สามารถแยกแยะลักษณะนิสัยของคนเมืองที่เข้าไปเอาเปรียบพวกเขาได้ นอกจากนี้ในปัจจุบันได้เกิดการแต่งงานระหว่างซาไกกับคนท้องถิ่นทำให้เด็กที่เกิดมาเป็นเด็กผสมและเด็กผสมเหล่านี้ก็สามารถพูดซาไกได้น้อยลง ประเด็นการช่วยเหลือชนเผ่าซาไกนั้นควรตระหนักถึงรูปแบบวิถีชีวิตของวาไก และควรเคารพความคิดเห็นของพวกเขา เพื่อจะได้พัฒนาไปทางที่ถูกต้อง ที่สำคัญต้องส่งเสริมการศึกษาให้เด็กรุ่นใหม่เพื่อให้พวกเขาได้ปรับตัวกับสังคมเมืองได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ชนเผ่าซาไก ชนเผ่าที่อยู่กับธรรมชาติแต่ไม่เคยทำลายธรรมชาติ ชนเผ่าที่ไม่รู้จักแม้แต่ค่าเงิน ชนเผ่าที่ใช้เสื้อผ้าเพียงชุดเดียว ชนเผ่าที่มีแต่มิตรไมตรี สิ่งเหล่านี้จะกลายเป็นเพียงอดีตเท่านั้น หากทุกวันนี้ยังมีการพัฒนาที่ผิดวิธีและการบุกรุกพื้นที่ และเราทุกคนควรสร้างทัศนคติที่ดี ไม่มองซาไกว่าแปลกประหลาด หรือแปลกแยก ไม่เอารัดเอาเปรียบพวกเขา เผ่าชนซาไกจะรู้สึกภาคภูมิใจดำรงสืบชนเผ่าของเขาต่อไป

2 ความคิดเห็น:

  1. หนูชื่อเด็กหญิงฮนีฟะห์์์ บูระกะ เลขที่ 26 ค่ะ

    ตอบลบ
  2. ถึงฮนีฟะห์ บูระกะ
    ครูตรวจงานแล้วนะครับ ครั้งที่ ๑ คะแนน ๑๐ คะแนน ได้ ๗ คะแนนครับ
    ครูขอเป็นกำลังใจให้ในการปรับปรุงเรียงความให้สมบูรณ์นะครับ ดังนี้
    ๑. ชื่อเรื่องใช้คำให้มันน่าติดตามกว่านี้
    ๒ จัดข้อความให้น่าสนใจ
    ๓. แทรกรูปภาพหรือวิดีโอเพื่อเพิ่มความน่าสนใจมากกว่านี้

    ตอบลบ